ปัญหาสิวบุก หนึ่งในปัญหาผิวที่สามารถพบเจอได้ในทุก ๆ ช่วงวัย ประเภทสิวที่แตกต่างกันก็นำมาซึ่งวิธีรักษาที่แตกต่างกัน ซ้ำร้ายเมื่อสิวหายยังทิ้งรอยไว้ ซึ่งวิธีการดูแลรักษาก็ยากไม่ได้ต่างจากการรักษาสิว ทั้งนี้นอกจากจะรู้วิธีรักษาสิวแล้ว วิธีรักษาเพื่อลดรอยสิวก็จำเป็นเช่นกัน
สาเหตุหลักของการเกิดสิว
การเริ่มต้นรักษาสิวด้วยการศึกษาถึงสาเหตุหลักของการเกิดสิวอย่างแท้จริงนั้น จะช่วยให้คุณสามารถรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยในเรื่องของการดูแลผิวอย่างต่อเนื่องเพื่อลดโอกาสในการเกิดสิวในอนาคตต่อไป
- ความมันส่วนเกินบนใบหน้า
โดยทั่วไปแล้วผิวหน้าจะมีการผลิตน้ำมันเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา แต่หากต่อมไขมันใต้ชั้นผิวเกิดการทำงานที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการผลิตไขมันผิวที่มากจนเกินไปซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิว
- รูขุมขนอุดตัน
เมื่อต่อมไขมันทำงานผิดปกติ มีการผลิตไขมันผิวมากเกินความจำเป็นจะทำให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขมกลายเป็นก้อนไขมันที่จับตัวกับฝุ่น และควันจากมลภาวะทางอากาศที่ทำให้กลายเป็นสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบได้ในที่สุด
- แบคทีเรียในรูขุมขน
แบคทีเรียภายในรูขุมขน (Propionibacterium – P.acne) เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยแบคทีเรียจะเติบโตได้ดีในผิวที่มีการผลิตน้ำมันมากเป็นพิเศษ เช่น ในกลุ่มผู้ที่มีผิวหน้ามัน
- ภาวะอักเสบของผิวหนัง
การอักเสบของผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบได้ โดยสิวอักเสบสามารถลุกลามได้หากจุดใดจุดหนึ่งมีการอักเสบที่รุนแรง ความรุนแรงสามารถขยายตัวทั่วบริเวณเนื้อเยื่อโดยรอบทำให้เกิดสิวอักเสบในจุดใหม่ ๆ ได้ง่าย
วิธีการดูแลรักษาสิว
หากมีสิวเกิดขึ้นบนใบหน้า วิธีการดูแลรักษาเบื้องต้นควรประเมินประเภทสิวส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อน เพื่อเลือกวิธีรักษาให้เหมาะสมกับสิวแต่ประเภทที่เกิดขึ้น โดยวิธีการรักษาที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำนั้น มีดังนี้
ฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดสิวอักเสบ
การฉีดสิวเป็นวิธีการรักษาสิวที่นิยมกันมากที่สุด เนื่องจากเห็นผลไวมากกว่าการใช้ยาทาสิวทั่วไป แต่การฉีดสเตียรอยด์รักษาสิวนั้นจำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากสเตียรอยด์มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง
เลเซอร์รักษาสิว
เลเซอร์รักษาสิวเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยม ไม่แพ้การฉีดสิว เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเลเซอร์ที่ใช้นั้นมีหลายคุณสมบัติตั้งแต่ฆ่าเชื้อสิวอย่างล้ำลึก ฟื้นฟูผิวให้กลับมาสุขภาพดี ไปจนถึงการลดการผลิตไขมันในรูขุมขน แต่การเลเซอร์รักษาสิวในบางกรณีก็อาจเสี่ยงต่อการทิ้งรอยแแผลเป็นเช่นเดียวกัน
ใช้ยาแต้มสิว
ยาแต้มสิวทั่วไปอย่าง Benzoyl Peroxide และ Retinoid มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวอุดตันไปจนถึงสิวอักเสบ ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และช่วยให้สิวยุบไวขึ้น
การรักษาผิวหน้าเพื่อป้องกันการเกิดสิว
เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากในการรักษาสิว การรักษาผิวหน้าเพื่อลดโอกาสในการเกิดสิวจึงเป็นวิธีการรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนที่สุด
การรักษาผิวหน้าจากปัจจัยภายนอก
หลีกเลี่ยงสารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือเครื่องสำอาง เช่น แอลกอฮอล์ พาราเบน SLS ปรอท และสบู่ เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวบอบบางมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงยังมีโอกาสทำให้ผิวอักเสบส่งผลให้เกิดสิวอื่น ๆ ตามมา
หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีมลภาวะ ฝุ่น และควันทางอากาศ เพราะมลภาวะดังกล่าวอาจลอยมาตามลม และติดเข้ากับไขมันบนใบหน้า ส่งผลให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขนกลายเป็นสิวอุดตันขึ้นได้ง่ายในภายหลัง
หยุดพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดสิว เช่นการใช้มือเปล่าสัมผัสกับใบหน้าระหว่างวัน การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หรือการนอนโดยไม่เช็ดเครื่องสำอาง รวมไปถึงพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ส่งเสริมให้เกิดการตกค้างของสิ่งสกปรกบนใบหน้า
ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ที่แพทย์ผิวหนัง หรือแพทย์รักษาสิวแนะนำ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวป้องกันสิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ จึงเป็นหนึ่งวิธีการดูแลผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
การรักษาผิวหน้าจากปัจจัยภายใน
ดูแลสุขภาพ และการพักผ่อนที่เพียงพอ เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้ยุติการเกิดสิวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการดูแลสุขภาพให้แข็งอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับการพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยให้คุณมีฮอร์โมนที่สมดุล ภูมิต้านทานแข็งแรง เซลล์ใต้ชั้นผิวทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้โอกาสในการเกิดสิวเกิดขึ้นได้ยาก
ยุติความเครียด ไม่ให้เกิดขึ้นบ่อยจนเกินไป เพราะความเครียด และความกังวลสะสมนั้น เป็นตัวการสำคัญที่จะทำให้ฮอร์โมนภายในร่างกายของคุณเกิดความไม่สเถียรแม้จะมีสุขภาพร่างกายที่ดี หรือมีการพักผ่อนที่เพียงพอ เพราะฉะนั้นการรู้จักควบคุมอารมณ์ไม่ให้เกิดภาวะเครียด หรือกังวลบ่อยจนเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการหยุดปัญหาสิวด้วยเช่นกัน
รับประทานอาหารเสริมที่ดีต่อผิว เช่น มะเขือเทศ หรือกลุ่มวิตามินซีเพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรง เร่งการผลิตคอลลาเจนเพื่อช่วยในเรื่องของการป้องกันสิว ที่สำคัญยังมีประโยชน์ในเรื่องของการลดริ้วรอย ทั้งรอยดำ รอยแดง และลดรอยสิวได้อีกด้วย โดยหนึ่งในวิตามินผิวที่แนะนำสำหรับการดูแลผิวนั้นก็คือ JWT Tomato-Q
เจ ดับเบิล ยู ที โทมาโท คิว อาหารเสริมบำรุงผิวช่วยขจัดสิว ลดริ้วรอย
JWT Tomato-Q คืออาหารเสริมบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติในเรื่องของการลดริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ ด้วยสารสกัดสำคัญจากมะเขือเทศ สูตรคิดค้นโดยเภสัชกร พร้อม Multi Antioxidant จาก Coenzyme Q-10, Vitamin C, Citrus Bioflavonoid และ Alpha Lipoic Acid เป็นกลุ่มสารสำคัญที่ช่วยในการรักษาสิว ฟื้นฟูผิว และลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามีจุดดำฝั่งลึก รอยสิว ผิวไวต่อฝ้ากระ และผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพผิวจากภายใน เพื่อผิวสุขภาพดี ดูกระจ่างใสอมชมพู เพียงรับประทานวันละ 1-2 แคปซูล รับประกันเห็นผลลัพธ์ผิวที่ดียิ่งขึ้นแน่นอน
การรักษาสิวนั้น แม้จะมีนวัตกรรมการรักษาที่ใหม่ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นให้เลือกใช้ในทุก ๆ วัน แต่ทุกขั้นตอนล้วนแล้วเป็นตัวช่วยรักษาสิวหลังจากเกิดปัญหาสิวขึ้นแล้วทั้งหมด ซ้ำแล้วยังมีค่ารักษา และค่ายาที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังไม่ใช่การรักษาสิวอย่างยั่งยืน เพราะฉะนั้นการดูแลผิวหน้าเพื่อลดโอกาสไม่ให้เกิดปัญหาผิวขึ้นตั้งแต่ต้น รวมไปถึงการรับประทานวิตามินผิวที่มีคุณสมบัติช่วยลดโอกาสในการเกิดสิว และฟื้นฟูผิวได้ในระยะยาวนั้นจึงเป็นวิธีที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ
