ฝ้า ริ้วรอยสีน้ำตาลคล้ำที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน สร้างความไม่มั่นใจในการเผยผิวให้กับใครหลาย ๆ คน การรักษาฝ้านั้นทำได้ยาก ต้องใช้เวลา และมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทำให้การดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดฝ้าตั้งแต่ต้นนั้นเป็นวิธีที่แพทย์ผิวหนังแนะนำมากที่สุด เพราะฉะนั้นในบทความนี้ เราจะพาทุกคนมาสำรวจสาเหตุของการเกิดฝ้า ลักษณะที่พบฝ้า พร้อมแนะนำครีมกันแดดรักษาฝ้า ป้องกันผิว ริ้วรอย และจุดด่างดำกันในท้ายบทความนี้ หากพร้อมแล้ว มาดูเนื้อหาเกี่ยวกับฝ้ากันได้เลย
ฝ้า เกิดจากอะไร
ฝ้า เกิดจากเม็ดสีภายใต้ชั้นผิวหนังทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการผลิตเม็ดสีขึ้นมาจำนวนมาก เมื่อเม็ดสีถูกผลิตออกมามากจนเกินไปและถูกลำเลียงไปอยู่บนผิวชั้นบนสุด ผิวจะเกิดเป็นกลุ่มปื้นสีน้ำตาลเข้มบนผิว กลายเป็นฝ้าที่ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ
โดยบริเวณที่พบฝ้าได้ง่ายบนใบหน้า มีดังนี้
- โหนกแก้ม
- หน้าผาก
- เหนือริมฝีปาก
- คาง
ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดฝ้า
ฝ้านั้น ถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นได้โดยหลากหลายปัจจัย โดยทั่วไปสาเหตุที่พบบ่อยนั้นจะมีทั้งสิ้น 5 สาเหตุต่อไปนี้…
- รังสี UV ในแสงแดด โดยรังสี UVA ที่มีมากในแสงแดดถึง 95% เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผู้ที่ไม่ทากันแดดรักษาฝ้า หรือป้องกันผิวเกิดฝ้าขึ้นได้ง่าย
- การกินยาคุมกำเนิด จะส่งผลเร่งการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ฮอร์โมนดังกล่าวเป็นตัวกระตุ้นให้เม็ดสีทำงานมากกว่าปกติ ดังนั้นการทานยาคุมกำเนิดจึงสามารถทำให้ผิวเกิดฝ้าได้ด้วยเช่นกัน
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ คล้ายกันกับกรณีกินยาคุม ในช่วงตั้งครรภ์ รวมไปถึงหลังคลอดบุตรระยะแรก ร่างกายจะเร่งการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้การทำงานของเม็ดสีทำงานมากกว่าปกติ ทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
- การเข้าสู่วัยทองและวัยหมดประจำเดือน นอกจากการทำงานของฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในช่วงวัยทองแล้ว เมื่ออายุสูงขึ้นการทำงานของผิวจะด้อยประสิทธิภาพลง ส่งผลให้การผลัดเซลล์ผิว การฟื้นฟูริ้วรอยของผิวทำได้ช้าลง ทำให้ผิวบอบบาง และเกิดฝ้าขึ้นได้ง่าย
- การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีผลต่อการแพ้ สารเคมีบางประเภท อย่างเช่น สารปรอท สารกะตั่ว เป็นสารอันตรายที่หากใช้เป็นระยะเวลานานยังส่งผลให้ผิวแพ้ง่าย และยังทำให้เกิดฝ้าลึก รักษายาก
- กรรมพันธุ์ ส่งผลให้เกิดฝ้าได้ด้วยเช่นกัน โดยหากคนในครอบครัวมีปัญหาฝ้าขึ้นผิว ลูก หลาน รุ่นต่อ ๆ ไปในครอบครัว ก็มีโอกาสเกิดฝ้าขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
ชนิดของฝ้าแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง
น้อยคนนักที่จะทราบว่า ฝ้า นั้น แท้จริงแล้วมีหลากหลายประเภทด้วยเช่นกัน การรักษาฝ้านั้นจะง่าย หรือยากก็ขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้าที่เกิดกับผิว
ฝ้าตื้น
เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังชั้นนอก (ผิวหนังกำพร้า) มีลักษณะเป็นรอยฝ้าสีน้ำตาลอ่อน ขอบฝ้าชัดเจน สามารถป้องกันได้ง่ายด้วยครีมกันแดดรักษาฝ้าก่อนออกแดด รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดระหว่างวัน
ฝ้าลึก
เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังชั้นใน (ผิวหนังแท้) มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้มอมม่วง อมฟ้าชัดเจน อาจเกิดจากสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ไม่มีคุณภาพ รวมไปถึงการปล่อยปละละเลยฝ้าตื้นจนฝังตัวลึกกลายเป็นฝ้าลึก ใช้เวลาในการรักษานาน รักษายาก และมีโอกาสที่จะรักษาไม่หายขาดสูง
ฝ้าผสม
เกิดขึ้นก้ำกึ่งบริเวณผิวหนังชั้นแท้ และผิวหนังกำพร้า มีสีเข้มคล้ายฝ้าลึก มีขอบไม่ชัดเจนมาก เป็นลักษณะของฝ้าที่พบได้มากที่สุดในบรรดาฝ้าทั้งสามชนิด
วิธีการรักษาหากผิวหน้าเกิดฝ้า
1.รักษาฝ้าด้วยการเลเซอร์ผิว
การเลเซอร์ผิวนั้นเป็นวิธียอดนิยมในป้จจุบันสำหรับการรักษาฝ้า โดยจะเป็นการยิงแสงลงไปในเซลล์ผิวเพื่อทำลายการสร้างเม็ดสีด้วยความร้อน เป็นวิธีที่เห็นผลเร็ว แต่มีข้อเสียคือมักลดรอยฝ้าได้เพียงชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไปฝ้าอาจเข้มขึ้นมาอีก ทำให้อาจจะต้องมีการยิงเลเซอร์ซ้ำ ๆ รวมไปถึงในบางรายอาจรักษาไม่หาย
2.การเร่งการผลัดเซลล์ผิว
การใช้กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี และเปลี่ยนหน้าผิวให้กับมาเรียบเนียนอีกครั้ง แต่วิธีนี้อาจเร่งให้ผิวบอบบางง่ายขึ้นมากด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการรักษาฝ้าด้วยวิธีการเลเซอร์ หรือการเร่งการผลัดเซลล์ผิว ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูง รวมไปถึงยังไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้ 100% ทำให้การเริ่มต้นดูแลผิวไม่ให้เกิดฝ้านั้น เป็นวิธีที่ประหยัด และช่วยป้องกันการเกิดฝ้าได้ดีที่สุด ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดนั้นก็คือการทากันแดดรักษาฝ้าอย่างสม่ำเสมอ
Helionof A ครีมกันแดดรักษาฝ้า ป้องกันแสงแดด สาเหตุของการเกิดฝ้า
การปกป้องผิวจากแสงแดด เพื่อป้องกันผิวถูกทำร้ายจากรังสี UVA ด้วยครีมกันแดดรักษาฝ้าเฮลิโอนอฟ เอ Helionof A ครีมกันแดดรักษาฝ้าเวชสำอางที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากแสงแดด Dermatological Facial Sunscreen Gel SPF 50 PA+++ สูตรปกป้องยาวนาน 12 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบว่าไม่อุดตันรูขุมขนด้วย USA Mattifier System Technology (แมทธิฟายเออร์ ซิสเต็ม เทคโนโลยี) ลิขสิทธิ์จากอเมริกา ที่ผสาน Uvinul A Plus และ Tinosorb S ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวได้ลึกถึงชั้นคอลลาเจน อีกทั้งยังมีความคงทนต่อแสงและน้ำ เพื่อปกป้องรังสี UVA ขายดีในคลินิกผิวหนัง ครีมกันแดดรักษาฝ้าที่แพทย์ผิวหนังสั่งจ่ายเพื่อใช้ร่วมกับการรักษาฝ้า กระ หลังเลเซอร์ หรือผลัดเซลล์ผิว ไม่มีสารก่ออาการระคายเคือง และที่สำคัญสามารถใช้ได้ในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง อักเสบได้อีกด้วย มันจึงทำให้ครีมกันแดดรักษาฝ้าเฮลิโอนอฟ เอ นั้นเป็นครีมกันแดดรักษาฝ้าที่คุณไม่ควรพลาด
ฝ้า และริ้วรอยด่างดำบนผิวนั้นรักษายาก รวมไปถึงยังไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้ เพราะฉะนั้นเพื่อผิวที่เรียบเนียน และลดโอกาสการเกิดปัญหาผิว การดูแล และป้องกันการเกิดฝ้าตั้งแต่ต้นด้วยการหลบเลี่ยงแสงแดดที่เป็นปัจจัยหลัก พร้อมใช้ครีมกันแดดรักษาฝ้า ป้องกันผิวอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นวิธีป้องกันฝ้าที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ ซึ่งสามารถดูกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ท่านอาจสนใจเพิ่มเติมจากทางเราได้ที่ช่องทางนี้ Zermix