ครีมกันแดดเป็นส่วนสำคัญของกิจวัตรการดูแลผิว เพราะช่วยปกป้องผิวของคุณจากรังสี UV ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ผิวไหม้แดด และริ้วรอยก่อนวัย การทาครีมกันแดดเป็นการดูแลผิวที่สำคัญที่สุดในการรักษาสุขภาพผิวในระยะยาว ครีมกันแดดมีความสำคัญอย่างมากในการป้องกันสัญญาณแห่งวัยไม่ให้ปรากฏบนผิวหน้า เพราะริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และจุดด่างดำล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้หากขาดการทาครีมกันแดดอย่างเหมาะสม
1. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป และมี PA++
การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 และ PA++ เป็นอย่างน้อยเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างเพียงพอ แม้แต่ผู้ที่ไวต่อภาวะผิวไหม้แดดอย่างมากก็ตาม ปัจจัยการป้องกันแสงแดด (SPF) คือการวัดว่าครีมกันแดดนั้น ๆ สามารถป้องกันผิวไหม้แดดได้ดีเพียงใด ซึ่งมักเป็นผลมาจากการสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลตบี (UVB) ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่ แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป ส่วนค่า PA ก็วัดระดับการป้องกันรังสี UVA ซึ่งอาจทำให้ผิวแก่ก่อนวัยและก่อให้เกิดมะเร็งได้ PA++ ให้การป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่า
2. ควรทาครีมกันแดด ก่อนออกจากบ้าน อย่างน้อย 30 นาที
ควรทาครีมกันแดดก่อนออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมยึดเกาะกับผิวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครีมกันแดดแบบเคมี ที่จะต้องซึมซาบเข้าสู่ผิวหนัง ครีมกันแดดแบบกายภาพมีผลทันทีและสามารถทาก่อนออกแดดได้เลย
3.ควรทาครีมกันแดด ซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดเอาไว้
การทาครีมกันแดดนั้น เมื่อต้องออกแดดควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพราะครีมกันแดดอาจสลายตัวออกได้หลังจากว่ายน้ำ เหงื่อออก หรือเช็ดตัว แม้ว่าจะมีเมฆมาก แต่รังสี UV จากดวงอาทิตย์ปริมาณมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ก็มาถึงพื้นโลกได้ การทาครีมกันแดดซ้ำทุกสองชั่วโมงจึงจะสามารถช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณได้รับการปกป้องจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายอย่างเต็มประสิทธิภาพ
4. ปริมาณในการทาครีมกันแดดแต่ละครั้ง ควรอยู่ที่ประมาณ 1 ออนซ์ หรือ 2 ข้อนิ้ว มือ เทียบเท่า 1-2 เหรียญสิบ
การทาครีมกันแดดแต่ละครั้งนั้น ปริมาณที่เหมาะสม ควรจะอยู่ที่ประมาณ 1 ออนซ์ หรือ 2 ข้อนิ้ว คือบีบครีมลงที่นิ้วชี้ยาวลงมาเป็นเส้นตรงให้ได้ 2 ข้อนิ้ว เป็นการทาครีมกันแดดปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อการปกป้องผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้ใช้ครีมปริมาณมากเกินไปจนทำให้หน้าเหนียวเหนอะอีกด้วย
5.แต้มครีมกันแดด 5 จุด บริเวณใบหน้า (หน้าผาก, แก้มทั้ง 2 ข้าง, จมูก ,คาง) เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า
การทาครีมกันแดดนั้น ควรจะแต้มครีมที่หน้าผากและแก้มทั้งสองข้าง จากนั้นก็แต้มที่จมูกและคาง เพื่อที่จะสามารถเกลี่ยเนื้อครีมให้ผิวได้ซึมซับได้ทั่วถึงทั้งใบหน้า ให้การปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อการปกป้องผิวที่ทั่วถึง อย่าลืมทาที่ลำคอด้วยนะ
6.เลือกใช้ครีมกันแดด สูตรกันน้ำ กันเหงื่อ สำหรับกิจกรรมที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ๆ
การทาครีมกันแดดโดยเลือกใช้ครีมที่เป็นสูตรกันน้ำนั้น มีความสำคัญเพราะมันสามารถให้การปกป้องได้ยาวนานขึ้นเมื่อคุณอยู่ในน้ำ และเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งจนทำให้มีเหงื่อออกมาก หากคุณมีแพลนที่จะทำกิจกรรมกลางแจ้งและอาจเปียกหรือเหงื่อออก เช่น ไปเที่ยวทะเล มีกิจกรรมทางน้ำ เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็ควรเลือกครีมกันแดดที่มีฉลากกำกับว่า “กันน้ำ” นั่นเอง
7.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ไม่อุดตันผิว
เพราะการใช้ชีวิตในแต่ละวัน อาจหลีกเลี่ยงการออกไปกลางแจ้งไม่ได้ การทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายแล้ว ก็จำเป็นต้องเลือกใช้ครีมกันแดดสูตรอ่อนโยน เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการกระตุ้นไม่ให้ผิวเกิดการแพ้ ระคายเคือง และเกิดปัญหาสิวอุดตันได้ การทาครีมกันแดดสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย อาจต้องเลือกสรรครีมกันแดดอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ และเพื่อความสะดวกของคุณผู้อ่าน เราก็มีผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดดี ๆ สำหรับผิวแพ้ง่ายมาแนะนำกันด้วย
ครีมกันแดดเฮลิโอนอฟ เอ (Helionof A) ครีมกันแดดหน้าสูตรอ่อนโยน สำหรับผิวแพ้ง่าย ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่อุดตันรูขุมขน SPF 50 PA+++ ทนต่อน้ำและแสงแดด ปกป้องยาวนาน 12 ชั่วโมง เป็นเวชสำอางที่พัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนัง มีการแนะนำโดยแพทย์ผิวหนังมาตั้งแต่ปี 2009 ปกป้องผิวลึกถึงชั้นคอลลาเจน ตัวครีมเป็นเนื้อเจล บางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบขาวระหว่างวัน อ่อนโยน เพราะปราศจากสารเติมแต่ง แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบนและสารกันเสีย ใช้กับผิวที่มีการอักเสบหรือแผลเลเซอร์ได้โดยไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ แถมยังมีส่วนช่วยในการลดฝ้า ลดริ้วรอยก่อนวัยด้วยนะ
นี่ก็เป็นวิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องที่เราได้เอามาฝากกัน หวังว่าความรู้ในบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน และถ้าใครที่ทาครีมไม่ถูกวิธีก็จะได้ลองปรับเปลี่ยนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดอย่างเต็มที่ด้วยวิธีที่เราได้นำเสนอไป สุดท้ายนี้ แม้จะอยู่บ้านหรือในอาคารก็ควรมีการทาครีมกันแดดกันด้วย เพื่อที่ผิวจะได้ไม่เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควรนะครับ
