อย่างที่รู้กันดีถึงความร้ายกาจของแดดเมืองไทย ออกแสงโดนผิวนิดหน่อยก็เกิดอาการแสบ ยิ่งถ้าเป็นคนที่สภาพผิวบอบบาง ปราการผิวไม่แข็งแรง บอกเลยว่าจบ! เพราะนอกจากผิวจะคล้ำเสียง่าย อาจจะต้องเจอกับปัญหาผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวไหม้แดด ผิวอักเสบ รวมไปถึงฝ้าและกระที่จะมาเยือนให้เสียความมั่นใจ ครีมกันแดดจึงเป็นไอเทมชิ้นสำคัญ แต่ก็ควรจะต้องเลือกให้ดีสำหรับคนที่มีผิวระคายเคืองง่าย บทความนี้จึงได้รวบรวมเทคนิคการเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบางมาฝากโดยเฉพาะ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
รู้จัก “แสงแดด” ตัวการทำร้ายผิวฝังลึก!
แสงแดดไม่ได้มีแค่ความร้อนที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวจากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการทำร้ายได้ลึกไปถึงใต้ชั้นผิว ด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและรังสี โดยแต่ละรังสีในแสงแดดมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวแตกต่างกัน โดยตัวเด่น ๆ ที่เป็นตัวการทำร้ายผิวคงหนีไม่พ้น “รังสีอัลตราไวโอเลต” และ “รังสีอินฟราเรด” นั่นเอง
รังสีอัลตราไวโอเลต
คุ้นเคยเป็นอย่างมากเมื่อต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทั้งชนิดครีม หรือชนิดเจล สำหรับผิวแพ้ง่าย หน้าฉลากจะบ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVA และ UVB อันเป็นรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน แต่ทำร้ายผิวได้เหมือนกันทั้งคู่
- รังสี UVA : สามารถทะลุผ่านกระจกได้ นั่นหมายความว่าแม้คุณจะหลบแสงแดดภายในอาคาร แต่รังสีตัวนี้จะสามารถเข้ามาทำร้ายผิวได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังทำร้ายได้ลึกถึงชั้นคอลลาเจน ภูมิคุ้มกันผิวจะเริ่มเสื่อมสภาพ แถมยังเสี่ยงเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
- รังสี UVB : รังสีที่ไม่สามารถทะลุกระจกได้ แต่อันตรายมากเมื่ออยู่กลางแจ้ง แถมยังมีความเข้มข้นมากพอที่จะทำร้ายเซลล์ผิวให้เกิดอาการคล้ำเสีย ดูหมองไม่สม่ำเสมอ ยิ่งถ้าใครที่ไม่ได้ใช้ครีมกันแดด UVB คือตัวการทำร้ายสำหรับผิวบอบบางที่จะเข้าไปทำให้เกิดอาการอักเสบ อาการแพ้แดด และผิวไหม้ได้แบบง่าย ๆ
รังสีอินฟราเรด
สำหรับรังสีอินฟราเรด หรือรังสี IR นั้นถือว่ามีความน่ากลัวไม่แพ้กัน เพราะนี่คือรังสีความร้อนและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ แถมยังไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่กลับให้ความร้อนสูง ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ แถมยังทำร้ายเซลล์ผิวให้เสียจนถึงชั้นลึก หมดความยืดหยุ่น ที่สำคัญยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
ปกป้องผิวได้ แค่เลือกครีมกันแดดที่ใช่สำหรับผิวบอบบาง
รู้ถึงความร้ายแรงของรังสีที่แฝงมากับแสงแดดไปแล้ว ถึงเวลาตามหาไอเทมคู่ใจสำหรับปกป้องผิว ยิ่งกับสาว ๆ ผิวแพ้ง่ายและบอบบาง ยิ่งต้องเลือกครีมกันแดดให้ดี เพราะบางครั้งปัญหาผิวที่เกิดขึ้นก็มาจากการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นแค่กันแดดได้ก็ยังไม่พอ แต่ต้องเป็นครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบางที่จะช่วยปกป้องได้อย่างมั่นใจ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
เริ่มต้นเลือกจากส่วนผสมที่ปลอดภัย
องค์ประกอบทางเคมีของครีมกันแดดคือปัจจัยสำคัญสำหรับผิวบอบบาง ซึ่งผิวจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ เราสามารถวัดได้จากตรงนี้ โดยสารหลัก ๆ สำหรับครีมกันแดดที่ดีกับผิวแพ้ง่ายไม่ได้ดูยาก แค่สังเกตและหลีกเลี่ยงสารออกฤทธิ์อันตราย กระตุ้นผิวให้เกิดอาการอักเสบและระคายเคือง และมองหาสารประกอบที่ช่วยปกป้องแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีดังนี้
- ต้องไม่มี ออกซีเบนโซน หรือออกติโนเซท สารที่ก่อให้เกิดอาการระคาย ผิวแห้งกร้าน และคันได้
- ไม่มีสารก่อความระคายเคืองที่ทำให้เกิดสิวอย่าง พาราเบน น้ำหอม พาทาเลต และแอลกอฮอล์
- มองหาส่วนผสมหรือสารประกอบที่ได้รับการพัฒนาจากสากล เช่น Uvinul A Plus สารกันแดดออร์แกนิก สามารถป้องกันผิวจาก UVA ได้สูงที่สุด, Tinosorb S สารกันแดดที่ช่วยป้องกัน UVA & UVB ในช่วงกว้าง เพิ่มค่า SPF ได้สูง ไม่เหนียวเหนอะหนะ แถมยังป้องกันผิวเหี่ยวย่นได้เป็นอย่างดี
เนื้อสัมผัสเบาบาง เกลี่ยง่าย ไม่หนักผิว
ทุกวันนี้ครีมกันแดดมีอยู่หลายรูปแบบมาก ๆ ให้ได้เลือกใช้งาน แต่สำหรับผิวบอบบางที่เสี่ยงเป็นสิวได้ง่าย ครีมกันแดดชนิดเจล สำหรับผิวแพ้ง่ายอาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา รวมถึงส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิว จึงช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดการอุดตันรูขุมขน จนพัฒนาไปเป็นปัญหาผิวในอนาคต
ที่สำคัญต้องสังเกตกลิ่นให้ดี หากไม่ได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นเวชสำอางเพื่อการดูแลผิวแพ้ง่าย เพราะบางครั้งหน้าฉลากอาจบอกว่าปราศจากน้ำหอม แต่กลิ่นครีมที่ปรุงแต่งจนเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้เหมือนกัน
สังเกตค่า SPF/PA เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันผิว
ค่า SPF คืออะไร?
SPF เป็นค่าความสามารถในการป้องกันผิวจากรังสี UVB โดยจะมีการระบุค่าเป็นตัวเลขไว้หลังตัวอักษร ดังนี้- SPF 15 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 15 เท่า ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 93.3%
- SPF 30 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 30 เท่า ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 96.7%
- SPF 50 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 50 เท่า ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 98%
ค่า PA คืออะไร?
PA เป็นค่าระดับความสามารถในการป้องกันผิวจากรังสี UVA ของครีมกันแดด โดยจะระบุเป็นเครื่องหมายบวก (+) หลังตัวอักษร และมีจำนวนที่แตกต่างกันไปตามความสามารถ- PA + คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 2-4 เท่า
- PA ++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 4-8 เท่า
- PA +++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 8-16 เท่า
- PA ++++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ มากกว่า 16 เท่า
ประสิทธิภาพการป้องกันน้ำและเหงื่อ
คุณลักษณะสุดท้ายที่ต้องพิจารณา คือความสามารถในการป้องกันน้ำและเหงื่อระหว่างวัน เพราะครีมกันแดดจำเป็นต้องทนทาน เพื่อป้องกันผิวจากกิจกรรมกลางแจ้งเรียกเหงื่อ รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำได้เป็นอย่างดี
เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันผิวที่แน่นหนา การเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบางที่มีความสามารถในการกันน้ำและเหงื่อนั้นเหมาะสมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศในเมืองไทยที่เรียกเหงื่อให้ไหลได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ครีมกันแดดทั่วไป หรือครีมกันแดดชนิดเจล สำหรับผิวแพ้ง่ายที่ซื้อมาจะการันตีได้ว่าสามารถกันน้ำได้อย่างทนทาน แต่ทุกครั้งหลังเวลาผ่านไปประมาณ 50-80 นาที ก็ควรจะต้องทาซ้ำ เนื่องจากครีมกันแดดประสิทธิภาพเริ่มจาง และจะได้เพิ่มการป้องกันผิวได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง
สำหรับใครที่มองหาผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดให้แก่ผิวที่บอบบาง ZERMIX Helionof A Dermatological Facial Sunscreen Gel SPF 50 PA+++ ครีมกันแดดชนิดเจล สูตรสำหรับผิวแพ้ง่ายและบอบบาง พัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนัง ผ่านการแนะนำมาตั้งแต่ 2009 ด้วย USA Mattifier System Technology ลิขสิทธิ์จากอเมริกา ปกป้องผิวได้ลึกถึงชั้นคอลลาเจน พร้อมป้องกันได้ยาวนานตลอด 12 ชั่วโมง ช่วยลดอนุมูลอิสระ สาเหตุการเกิดฝ้า กระ ได้เป็นอย่างดี
สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหาซื้อได้ที่ร้านขายยาชั้นนำใกล้บ้านคุณ
