ผิวอ่อนแอบอบบาง และมีปัญหาผิวตามมาได้ง่ายขึ้นหากขาด เซราไมด์ สารสำคัญในผิวมีหน้าที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว นอกจากนี้เซราไมด์ยังประโยชน์ต่อผิวในอีกหลากหลายประการ เซราไมด์มีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน และเซราไมด์ครีมจะช่วยกู้สถานการณ์ผิวให้กลับมาสุขภาพดีได้จริงหรือไม่มาดูกัน
เซราไมด์ คืออะไร
เซราไมด์ (Ceramide) เป็นน้ำมันผิวตามธรรมชาติที่ถูกจัดอยู่ในหมวดของสารประเภทกรดไขมันบนผิวชั้นนอก ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว
หน้าที่สำคัญของเซราไมด์
เซราไมด์นั้นจะช่วยเป็นตัวกลางในการเชื่อมเคราตินในชั้นผิวเรียงตัวกันแข็งแรง และเป็นระเบียบ ช่วยให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทนทานต่อมลภาวะที่เข้ามาทำร้ายผิว พร้อมกับช่วยกักเก็บน้ำในผิวเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำที่มากเกินไป รวมไปถึงยังช่วยให้การสังเคราะห์เม็ดสีในชั้นผิวทำงานอย่างเป็นระบบ ป้องกันการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และฝ้า กระ
ประโยชน์ของเซราไมด์ที่มีต่อผิว
เซราไมด์นั้นมีทั้งหมด 12 ชนิด แต่ที่มีประโยชน์สูงสุดต่อผิวของเรานั้นคือ เซราไมด์ 1, 3 และ 6-II
- Ceramide 1 ช่วยเสริมเกราะป้องกันให้กับผิว ช่วยให้ภูมิคุ้มกันผิวทำงานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่าย พร้อมทั้งยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นเพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำในผิวให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- Ceramide 3 ช่วยทำให้การระคายเคืองจากมลภาวะ สิ่งแวดล้อมทำร้ายผิวได้น้อยลง ลดอาการระคายเคือง และอักเสบ
- Ceramide 6-ll ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน ลดริ้วรอย และจุดด่างดำที่เกิดขึ้นกับผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนคล้ายกับ AHA
ความแข็งแรงของผิว ความชุ่มชื้น การรักษาริ้วรอย เป็นปัจจัยสำคัญที่เซราไมด์รับหน้าที่ดูแลให้กับผิว โดยหากปล่อยให้ผิวขาดเซราไมด์ ประสิทธิภาพ และการฟื้นฟูของผิวก็จะลดน้อยลง ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวได้ง่ายนั่นเอง
การขาดเซราไมด์ส่งผลต่อผิวอย่างไร
เมื่อผิวขาดเซราไมด์ 3 ปัญหาผิวที่จะเกิดขึ้น และเห็นได้อย่างชัดเจนมีดังนี้…
1.ผิวแก่ ดูเหี่ยวย่น
ผิวที่ขาดเซราไมด์ ประสิทธิภาพในการดูแล และฟื้นฟูตัวเองจะลดน้อยลง มีการผลัดเซลล์ผิวที่ช้ามากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดริ้วรอย และความเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร
2.ผิวแห้ง
ผิวที่ขาดเซราไมด์ จะมีประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำน้อยลง ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและเกิดปัญหาผิวแห้งตามมาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เมื่อผิวแห้งก็จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย และง่ายต่อการอักเสบซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย
3.ผิวระคายเคืองง่าย
ผิวที่ขาดเซราไมด์ จะทำให้เคราตินผิวเรียงตัวกันไม่เรียบเนียน ซึ่งแต่เดิมเคราตินผิว เมื่อรวมกันอย่างเรียบเนียนจะกลายเป็น หนังขี้ไคล มีหน้าที่ป้องกันผิวจากมลภาวะ และรังสี UV เมื่อเคราตินไม่เรียบเนียนทำให้มลภาวะต่าง ๆ เข้ามาทำร้ายผิวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวเกิดการระคายเคือง และไม่สบายผิวในระหว่างวัน
ปกป้องผิวจากความเหี่ยวย่น แห้งกร้าน และระคายเคืองง่ายด้วยเซราไมด์ครีม
ZERMIX Cream เซราไมด์ครีมสูตรเข้มข้นเหมาะเป็นพิเศษสำหรับผิวที่ขาดเซราไมด์ อ่อนแอ แพ้ง่าย และแห้งกร้าน พร้อมช่วยแก้ปัญหาผิว และฟื้นฟูดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติ
– เซราไมด์ครีมล็อกผิวชุ่มชื้นได้ยาวนาน 72 ชั่วโมง
– เซราไมด์ครีมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งขาดน้ำ
– เซราไมด์ครีมเสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง
– เซราไมด์ครีมที่พัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ
ส่วนผสมสำคัญ
– Advanced Ceramide Technology (ACT) ประกอบไปด้วยเซอราไมด์ 3 ชนิด ได้แก่ Ceramide 1,3,6-II ผสมกับ Fatty Acids และ Cholesterol ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงขึ้น ลดการสูญเสียน้ำของผิว Trans Epidermal Water Loss ( TEWL) ฟื้นฟูผิวให้ความชุ่มชื้น เพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำในผิว ลดอาการแห้ง ขุย คัน ปกป้องผิวจากปัจจัยการแพ้
– Cupuacu Butter สารให้ความชุ่มชื้นจากเมล็ดโกโก้ ช่วยลดอาการแห้ง คัน พร้อมบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นอย่างยาวนาน เพราะเหตุนี้ Cupuacu Butter จึงเป็นส่วนผสมหนึ่งที่สำคัญของ เซราไมด์ครีม
– Aloe Vera หรือ ว่านหางจระเข้ ช่วยลดการอักเสบระคายเคืองผิว ปลอบประโลมผิวบอบบางให้กลับมาชุ่มชื้น
เซราไมด์ครีมประสิทธิภาพสูงที่เพียงทาบาง ๆ เป็นประจำ 2 ครั้งต่อวัน ก็ให้ผลลัพธ์ทดแทนเซราไมด์ที่ขาดไปจากผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญเซราไมด์ครีมจาก ZERMIX สามารถใช้ร่วมกับการรักษาโรคผิวหนังเพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษา และลดอาการระคายเคืองจากยาได้
การปล่อยให้ผิวขาดเซราไมด์เป็นระยะเวลานาน อาจนำมาซึ่งปัญหาผิวสะสมที่แก้ได้ยาก และอาจต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงในอนาคต ดังนั้นเมื่อเริ่มมีปัญหาผิว การใช้เซราไมด์ครีมเพื่อบำรุง และฟื้นฟูผิวจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณไม่ควรมองข้าม