กว่าจะผ่านเทศกาลสงกรานต์มาได้ นอกจากจะโดนสาดน้ำกันแบบจุก ๆ แล้ว ผิวเรายังต้องผจญกับทั้งฝุ่นควัน และแดดหน้าร้อนกันแทบจะทั้งวัน แม้จะทาครีมกันแดดก็อาจจะยังไม่เพียงพอ ผิวจึงอาจเสียหายและเสื่อมโทรมไปบ้าง บางคนอาจถึงกับผิวไหม้แดดจนแดง แสบ ผิวลอกกันเลยทีเดียว เมื่อหมดช่วงเทศกาลแล้ว ก็คงถึงเวลาแล้วที่จะกลับมากู้ผิวพัง บำรุง ซ่อมแซมกันหน่อย เราจึงได้รวบรวม 7 วิธี ฟื้นฟูสภาพผิวมาฝาก พร้อมแนะนำครีมฟื้นฟูผิว เพื่อให้ผิวกลับมาสุขภาพดีเหมือนเก่า มาทำตามกันได้เลย
วิธีการดูแลผิวที่เห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด
เบื้องต้นการดูแลเพื่อกู้สภาพผิวหลังสงกรานต์ ควรสังเกตปัญหาผิวของตัวเองหลังเล่นสงกรานต์เพื่อให้การดูแลรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องและถูกวิธี เช่น ผิวไหม้แดด ภูมิแพ้ หรือผดผื่นก็อาจจะมีการดูแลที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามการดูแลตัวเองด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะเป็นการทำร้ายผิวซ้ำลงไปอีก และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกครีมฟื้นฟูผิวคือสิ่งสำคัญและเห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด
1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด แต่ให้อาบน้ำเย็นแทน
การอาบน้ำร้อนอาจกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการอักเสบและระคายเคืองได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ผิวของเราเสียหายยิ่งกว่าเดิมเช่น แห้งกร้าน คัน ผิวลอก ได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถทำลายสมดุลความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว ทำให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติและโปรตีนที่ทำให้ผิวสุขภาพดี น้ำร้อนทำให้เซลล์เคราตินที่อยู่บริเวณชั้นนอกสุดของผิวหนังเสียหาย ทำให้ผิวแห้งและป้องกันไม่ให้เซลล์กักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ นอกจากครีมฟื้นฟูผิวแล้ว การอาบน้ำเย็นจะช่วยเสริมการฟื้นตัวของผิวด้วยการเพิ่มเกราะป้องกันความชุ่มชื้นตามธรรมชาติได้ดีกว่าน้ำร้อน
2. หลีกเลี่ยงการสครับหรือขัดผิวแรง ๆ
ในระหว่างที่ใช้ครีมฟื้นฟูผิวอยู่นั้นควรหลีกเลี่ยงการสครับหรือขัดถูผิวแรง ๆ เพราะมันสามารถขจัดน้ำมันที่ดีที่ผิวของคุณต้องการในการมีสุขภาพที่ดีได้ ทำให้ผิวของคุณแห้ง แดง เป็นขุย และระคายเคือง เป็นการตอกย้ำให้ผิวเสียไปมากกว่าเดิม โดยในระยะนี้อาจจำเป็นต้องงดการสครับผิวไปถึง 2 สัปดาห์กันเลยทีเดียว
3.งดใช้สบู่ที่มีความเป็นกรดสูง หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่าง ๆ
ขณะที่ผิวยังคงฟื้นฟูอยู่นั้น ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เนื่องจากสบู่ที่มีความเป็นกรดนั้นอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและแห้งกร้านมากกว่าเดิม ควรใช้สบู่ที่อ่อนโยนควบคู่ไปกับครีมฟื้นฟูผิว และสบู่ที่ใช้ก็ควรจะเป็นแบบที่ปราศจากน้ำหอมและไวเทนนิ่ง ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อที่จะไม่ขัดขวางการฟื้นฟูโดยธรรมชาติของผิวนั่นเอง
4.หลังอาบน้ำ ให้ใช้ผ้าเช็ดตัวซับหยดน้ำออกจากผิว ห้ามใช้ผ้าเช็ดตัวถู หรือเช็ดผิวแรง ๆ
ควรซับผิวให้แห้งด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่มหลังอาบน้ำในขณะที่ผิวของคุณยังฟื้นตัวอยู่ และหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าขนหนูถูผิวเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและความแห้งกร้านมากขึ้น เนื่องจากการใช้ผ้าขนหนูถูสามารถขจัดน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผิวที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น การซับผิวให้แห้งด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่มเป็นวิธีทำให้ผิวแห้งที่อ่อนโยนกว่าโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม
5.หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมี หรือสารที่ก่อให้เกิดการแพ้
ครีมฟื้นฟูผิวที่มีสารเคมีหรือสารที่ก่อให้เกิดการแพ้นั้น สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ เมื่อผิวของคุณกำลังฟื้นตัว ผิวจะบอบบางและระคายเคืองได้ง่าย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงครีมฟื้นฟูผิวที่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ เพื่อป้องกันอาการแพ้เพิ่มเติมด้วย คุณอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมฟื้นฟูผิวจากธรรมชาติที่มีโอกาสเกิดการระคายเคืองน้อยกว่าแทนได้
6.เลือกใช้ครีมฟื้นฟูผิวที่ช่วยลดการอักเสบ เติมความชุ่มชื้นให้ผิว เสริมชั้นผิวให้แข็งแรง
นอกเหนือจากคำแนะนำและข้อควรหลีกเลี่ยงที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว แน่นอนว่าหากต้องการให้ผิวฟื้นฟูกลับมามีสุขภาพดีนั้น ก็จำเป็นต้องพึ่งพาครีมฟื้นฟูผิว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่จะช่วยลดการอักเสบ ช่วยเติมความชุ่มชื้นและเสริมชั้นผิวให้แข็งแรง อย่างเช่น ครีมฟื้นฟูผิวหน้าสูตรผิวแพ้ง่าย ZERMIX Forte Cream ครีมฟื้นฟูผิวหน้า บำรุงผิว สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ที่มีคุณสมบัติรักษาอาการคัน ระคายเคือง ผิวหนังอักเสบ ด้วย Advanced Ceramide Complex ผสานสารลดการอักเสบจากพืช Chaga Mushroom & Rhodiola Rosea ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง พร้อมลดเลือนรอยแดง ผื่น คัน และการระคายเคืองผิวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอ่อนโยนต่อผิว เนื่องจากเป็นสูตรปราศจากน้ำหอม ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พาราเบน สารกันเสีย และไม่มีสเตียรอยด์ นอกจากจะฟื้นฟู ซ่อมแซมสภาพผิวให้กลับมาสุขภาพดีแล้ว ยังช่วยปกป้องผิวให้แข็งแรงในระยะยาวอีกด้วย
7.ทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดอยู่เสมอ
การใช้ครีมฟื้นฟูผิวเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เราควรต้องปกป้องผิวจากแสงแดดควบคู่กันไปด้วย เพราะนอกจากจะป้องกันผิวจากแสงแดดแล้ว ยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดสิวด้วย และในขณะที่สภาพผิวอยู่ในช่วงการใช้ครีมฟื้นฟูผิวอยู่นั้น ผิวเราก็อาจเกิดการแพ้ หรือระคายเคืองได้ง่าย เนื่องจากผิวยังคงบอบบาง ฉะนั้นครีมกันแดดที่ใช้จึงควรเลือกสรรครีมสำหรับผิวบอบบางเป็นพิเศษ อย่างครีมกันแดดเฮลิโอนอฟ เอ (Helionof A) SPF 50 PA+++ ซึ่งเป็นครีมกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย ป้องกันแสงแดดได้ทั้ง UVA และ UVB ทั้งยังอ่อนโยนต่อผิวหน้า ใช้ได้กับผิวแพ้ง่ายหรือแม้แต่ผิวที่มีการอักเสบหรือแผลเลเซอร์ โดยผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่อุดตันรูขุมขน มั่นใจได้เพราะเป็นเวชสำอางที่พัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนัง มีการแนะนำโดยแพทย์ผิวหนังมาตั้งแต่ปี 2009 ไร้สารเติมแต่งที่อาจระคายเคืองผิวอย่าง แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบนและสารกันเสีย
ได้เคล็ด(ไม่ลับ)ดี ๆ กันไปแล้ว อย่าลืมนำไปใช้เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวกันอย่างสม่ำเสมอ ให้ผิวได้กลับมามีสุขภาพดีดังเดิมด้วยล่ะ