ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวหน้าจากแสงแดดที่อาจทำให้ผิวแห้งกร้าน และหมองคล้ำได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในฤดูร้อน เพราะแสงแดดมีความร้อนสูง และมีรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวที่บอบบาง
การเลือกครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่ดีจะช่วยป้องกันผิวจากความหมองคล้ำ ช่วยป้องกันการเกิดฝ้า กระ และผิวไหม้แดดได้ ครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่เหมาะสมนั้นควรมีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป และควรใช้ทุกวันไม่ว่าจะออกจากบ้านหรือไม่ก็ตาม เพื่อป้องกันการเสียคุณค่าของผิวพรรณ
ประเภทของครีมกันแดด
สารกันแดดนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และครีมกันแดดเนื้อบางเบาก็เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง ครีมกันแดดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Chemical Sunscreen หรือครีมกันแดดแบบเคมี
ครีมกันแดดเนื้อบางเบาแบบเคมีประกอบด้วยส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ทางเคมี เช่น ออกซิเบนโซน (oxybenzone) เอโวเบนโซน (avobenzone) และโฮโมซาเลต (homosalate) คอยดูดซับแสง UV ที่สัมผัสผิว สารประกอบอินทรีย์เหล่านี้จะเกิดปฏิกิริยาเคมีเมื่อสัมผัสกับแสงแดด โดยจะดูดซับรังสี UV แล้วเปลี่ยนให้เป็นพลังงานความร้อนซึ่งจะถูกปล่อยออกจากผิวหนัง
Physical Sunscreen หรือครีมกันแดดประเภทกายภาพ
ครีมกันแดดเนื้อบางเบาจากแร่ธาตุ หรือครีมกันแดดประเภทกายภาพจะประกอบด้วยแร่ธาตุซิงก์ออกไซด์และไทเทเนียมออกไซด์ ทำงานโดยการสร้างเกราะป้องกันทางกายภาพบนผิวหนังเพื่อสะท้อนรังสีของดวงอาทิตย์ อีกทั้งยังสะท้อนรังสี UV ได้เล็กน้อยอีกด้วย
อันตรายจากรังสี UV ที่มีต่อผิว
แสงแดดจากดวงอาทิตย์นั้นก่อให้เกิดรังสี UV อยู่ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ UVA, UVB และ UVC ซึ่ง UVC สามารถสร้างความเสียหายได้มากที่สุด แต่โชคดีที่มันถูกกรองโดยชั้นบรรยากาศในชั้นโอโซนอย่างสมบูรณ์และมาไม่ถึงพื้นโลก
รังสี UVA
รังสี UVA สามารถทะลุทะลวงได้มากกว่า UVB และส่งผลกระทบต่อเซลล์ที่อยู่ลึกลงไปในผิวหนัง สร้างความเสียหายทางอ้อมต่อ DNA ทำให้ผิวแก่ก่อนวัยได้ เช่น ริ้วรอย นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับมะเร็งผิวหนังบางชนิดอีกด้วย
รังสี UVB
รังสี UVB จะทำร้ายผิวหนังชั้นนอกสุด ทำให้ผิวคล้ำ ผิวไหม้แดด และในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้เกิดตุ่มพุพองได้ UVB ทำลาย DNA ได้โดยตรงและก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้หลายประเภท ทั้งยังสามารถทำให้ผิวแก่กว่าวัยได้อีกด้วย
รังสี UVC
UVC เป็นรังสีที่สร้างความเสียหายต่อผิวได้รุนแรงที่สุด ทำให้เกิดแผลไหม้และแผลพุพอง อีกทั้งยังทำลายทั้งเซลล์ผิวหนังและเซลล์ดวงตาของมนุษย์ด้วย คลื่นรังสี UVC บางช่วงเป็นตัวการร้ายที่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังเช่นกัน
การได้รับรังสี UV เป็นการทำร้ายผิวอย่างปฎิเสธไม่ได้ การเลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อบางเบาจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องผิวของคุณ
4 วิธีการเลือกครีมกันแดด
การเลือกซื้อครีมกันแดดเนื้อบางเบานั้น สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอย่างหนึ่งคือค่า SPF และ PA
SPF
ย่อมาจาก Sun Protection Factor (ปัจจัยการป้องกันแสงแดด) ช่วยป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดดและผิวแดง ครีมกันแดดเนื้อบางเบายิ่งค่า SPF สูงก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ
PA
ย่อมาจาก Protection Grade of UVA Rays (ระดับการป้องกันรังสี UVA) และเป็นระบบการให้คะแนนของญี่ปุ่นที่ใช้วัดประสิทธิภาพการปกป้องที่ครีมกันแดดเนื้อบางเบามีต่อรังสี UVA
ทั้งนี้ PA+ หมายถึง ปกป้อง UVA ได้ 2-4 เท่า
PA++ หมายถึง ปกป้อง UVA ได้ 4-8 เท่า
PA+++ หมายถึง ปกป้อง UVA ได้ 8-16 เท่า
PA++++ หมายถึง ปกป้อง UVA ได้มากกว่า 16 เท่า
เลือกใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB
การใช้ครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB นั้นสามารถช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง ผิวแก่ก่อนวัย ผิวไหม้จากแสงแดด และความเสียหายต่อผิวหนังอื่น ๆ ได้ด้วย
เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป
สำหรับคนส่วนใหญ่และในสภาพอากาศส่วนใหญ่แล้ว แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และเมื่อใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำก็จะป้องกันรังสี UVB จากผิวของคุณได้ถึง 97 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
เลือกครีมกันแดดที่มีสัญลักษณ์ PA+++ หรือ PA++++ หรือสัญลักษณ์ UVA
ครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่มีค่า PA สูงกว่าจะช่วยป้องกันรังสี UVA ได้ดีกว่า ดังนั้นเมื่อต้องออกไปกลางแจ้ง ควรเลือกครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่มีค่า PA+++ หรือ PA++++ เพื่อการปกป้องที่ดีกว่าและระยะเวลาการปกป้องที่ยาวนานขึ้น
กรณีที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือมีเหงื่อออก ควรเลือกครีมกันแดดชนิดกันน้ำ
การที่จะถูกจัดว่ากันน้ำได้นั้น ครีมกันแดดสูตรหนึ่ง ๆ จะต้องทนน้ำได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งและยังคงค่า SPF เท่าเดิมจึงจะจัดอยู่ในประเภท “กันน้ำได้” เช่น Water Resistance (40 minutes) จะสามารถทนน้ำได้นาน 40 นาที และ Very Water Resistance (80 minutes) จะทนน้ำได้นาน 80 นาทีโดยที่ค่า SPF ยังคงเดิม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือไม่มีครีมกันแดดตัวไหนที่สามารถกันน้ำหรือกันเหงื่อได้อย่างสมบูรณ์ 100% จึงอาจต้องมีการทาซ้ำเพื่อการปกป้องผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
แต่หากยังไม่แน่ใจ หรือยังเลือกไม่ถูกเราก็มีครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นมาแนะนำด้วย นั่นก็คือ ครีมกันแดดเฮลิโอนอฟ เอ (Helionof A) เป็นครีมกันแดดเนื้อเจล เกลี่ยง่าย บางเบา สบายตัว ไม่เหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบ ปราศจากสี มีคุณสมบัติเป็น Make Up Base ช่วยเบลอรูขุมขนและริ้วรอยได้ด้วย ป้องกันแดดได้ทั้ง UVA และ UVB ด้วยค่า SPF สูงถึง 50 และ PA+++ ปกป้องยาวนาน 12 ชั่วโมง อ่อนโยนต่อผิวหน้า ใช้ได้กับผิวแพ้ง่ายหรือแม้แต่ผิวที่มีการอักเสบหรือแผลเลเซอร์ ใช้แล้วหน้าไม่เยิ้มแม้ไปออกกำลังกายจนเหงื่อออก