หน้าเดี๋ยวแห้ง เดี๋ยวมัน สร้างความไม่มั่นใจในการเลือกใช้ครีมเสริมความชุ่มชื้นที่เหมาะกับผิว หากใครที่กำลังประสบปัญหาผิวแต่ยังไม่มั่นใจว่าสรุปแล้วตัวเองนั้นมีปัญหาผิวแห้ง หรือผิวขาดน้ำ บทความนี้มีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการแยกประเภทผิวแห้ง และผิวขาดน้ำมาแชร์ให้กับคุณ
ผิวแห้ง (Dry Skin) คืออะไร
ภาวะผิวแห้ง คือลักษณะของผิวที่ให้ความรู้สึกแห้งตึงตลอดทั้งวัน เกิดรอยขีดข่วน การอักเสบ รอยแดง และริ้วรอยต่าง ๆ ได้ง่าย โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นตั้งแต่กำเนิด จำเป็นต้องใช้ครีมเสริมความชุ่มชื้นเพื่อลดอาการระคายเคืองผิวอยู่ตลอดเวลา
ผิวขาดน้ำ (Dehydrated Skin) คืออะไร
ภาวะผิวขาดน้ำ คือลักษณะของผิวที่คนส่วนใหญ่สับสนกับอาการผิวแห้ง และไม่เข้าใจปัญหาผิวลักษณะนี้มากที่สุด โดยผิวขาดน้ำนั้น เกิดจากปัญหาที่ผิวผลิตน้ำมันธรรมชาติสำหรับผิวออกมาน้อย และประสิทธิภาพในการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวต่ำ ทำให้ผิวสูญเสียน้ำง่ายจนส่งผลให้ผิวเกิดอาการขาดน้ำ เป็นสาเหตุให้เกิดการเร่งผลิตน้ำมันผิวออกมามากกว่าปกติจนเกิดภาวะหน้ามันเยิ้ม สลับกับภาวะหน้าแห้งไปมา ร่วมกับลักษณะผิวที่ดูหมองคล้ำ มีริ้วรอย ดูไม่สดใสคล้ายคนป่วย ลักษณะดังกล่าวคือจุดสังเกตของผู้ที่มีภาวะผิวขาดน้ำ
เช็กให้ชัวร์ก่อนบำรุงผิวแห้ง และผิวขาดน้ำ
เพื่อให้การเลือกครีมเสริมความชุ่มชื้นเพื่อแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด การเช็กให้ชัวร์ก่อนว่าผิวของคุณนั้นเป็นภาวะผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญ
1.ผิวแห้ง
- ผิวมีลักษณะแห้งกร้าน ระคายเคืองง่ายมาแต่กำเนิด
- เมื่อสัมผัสผิวให้ความรู้สึกแห้งสาก ไม่มีน้ำมีนวล
- ระคายเคือง และอักเสบได้ง่าย
- มีรอยแดงขึ้นที่ผิวได้ง่าย และบ่อย
- มีอาการผิวแห้ง ตึง และลอกเป็นขุย
2.ผิวขาดน้ำ
- แต่งหน้าติดยาก เครื่องสำอางไม่เกาะหน้า
- ผิวหน้าเดี๋ยวแห้งกร้าน เดี๋ยวมันเยิ้มสลับไปมา
- ผิวหน้าดูหมองคล้ำคล้ายคนป่วย
- ผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- เกิดสิวอุดตันเห่อขึ้นบ่อยครั้ง
หากคุณสำรวจความแตกต่างของอาการผิวทั้ง 2 รูปแบบนี้อย่างละเอียด จะสามารถพบข้อเท็จจริงได้ว่าผิวของคุณนั้นกำลังประสบปัญหาผิวแห้ง หรือผิวขาดน้ำได้อย่างแน่นอน
วิธีการดูแลผิวแห้ง และผิวขาดน้ำ
หลังจากสามารถแยกได้ระหว่างภาวะผิวแห้ง และผิวขาดน้ำเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าสู่ขั้นตอนการดูแล และบำรุงผิว โดยวิธีที่เรานำมาแนะนำนั้น จะเป็นวิธีที่สามารถผนวกใช้ได้ทั้งกลุ่มผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง และผิวขาดน้ำ โดยจะเน้นไปในเรื่องของการปรับสมดุลความชุ่มชื้นของผิวดังนี้
1.ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน
การดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการต่อวันนั้น จะช่วยปรับสภาพผิวของคุณที่แห้งกร้าน และขาดน้ำ ให้กลับมามีความชุ่มชื้น และสุขภาพดีได้ เพราะร่างกายของมนุษย์แต่เดิมนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึงร้อยละ 70
2.หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำร้อน
น้ำร้อน หรือน้ำอุณหภูมิสูงนั้น จะชะล้างน้ำมันผิวธรรมชาติที่สำคัญกับผิวไปจนหมด ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น รวมไปถึงยังสามารถทำให้ผิวเกิดภาวะอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคือง รอยแดง และผดผื่นตามมาได้
3.ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้ง
ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีสาร SLS เพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งตึง และสูญเสียน้ำในผิวไปจนหมดหลังใช้ อาจส่งผลให้ผิวเกิดอาการแห้ง และขาดน้ำรุนแรงได้
4.ใช้ครีมเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างสม่ำเสมอ
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นในเรื่องของความชุ่มชื้น การปรับสมดุลผิว และการเสริมความแข็งแรงให้กับผิวอย่างเซอร์มิกซ์ ครีม (ZERMIX Cream) มอยส์เจอไรเซอร์ครีมเสริมความชุ่มชื้น สูตรเซราไมด์เข้มข้น เหมาะเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งรุนแรง ด้วยสารสำคัญอย่าง
- Advanced Ceramide Technology (ACT) ประกอบไปด้วยเซอราไมด์ 3 ชนิด ได้แก่ Ceramide 1,3,6 ผสมกับ Fatty Acids และ Cholesterol ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กักเก็บน้ำในผิวได้ดียิ่งขึ้น และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
- Cupuacu Butter สารสกัดจากเมล็ดโกโก้ เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของครีมเสริมความชุ่มชื้นเช่นกัน มันมีหน้าที่ช่วยลดอาการระคายเคือง และลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้นกับผิว
- Aloe Vera ที่เป็นส่วนสำคัญของครีมเสริมความชุ่มชื้นที่จะช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากภาวะผิวแห้งขาดน้ำ
ครีมเสริมความชุ่มชื้นเซอร์มิกซ์ ครีม ล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิวหลังใช้ยาวนาน 72 ชั่วโมง พัฒนาสูตรตามโครงสร้างผิวจริงของมนุษย์ทำให้เพียงแค่การทาบาง ๆ 1-2 ครั้งต่อวัน ก็ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูสุขภาพได้อย่างคาดไม่ถึง ที่สำคัญสามารถครีมเสริมความชุ่มชื้นนี้ยังช่วยลดอาการระคายเคืองจากภาวะผิวแห้งขาดน้ำได้ดี ใช้คู่กับยารักษาผิวหนังอักเสบ และโรคผิวหนังเพื่อลดอาการระคายเคืองได้ ครีมเสริมความชุ่มชื้นที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ
ปัญหาผิวแห้ง และผิวขาดน้ำจะดูแลไม่ยากอีกต่อไป หากคุณเข้าใจ และแยกประเภทของปัญหาผิวทั้ง 2 ได้อย่างชัดเจน แก้ปัญหาผิวให้ถูกจุด ปรับสมดุลความชุ่มชื้น และใช้ครีมเสริมความชุ่มชื้นเป็นประจำ เพียงเท่านี้ผิวของคุณก็จะชุ่มชื้นสดใส แข็งแรง และไม่อักเสบ อ่อนแอแพ้ง่ายอย่างแน่นอน